สาวเห็นแมวส้มใส่แว่นดำที่คลินิก นึกว่าจะแต่งเอาเท่ ที่แท้…

       หล่อซะไม่มี สาวเห็นแมวส้มใส่แว่นดำที่คลินิก นึกว่าจะแต่งเอาเท่ ที่แท้…

           เว็บไซต์ Weibo จากจีน ได้เผยภาพเหตุการณ์ที่คลินิกสัตว์แห่งหนึ่ง มีหญิงสาวพาสัตว์เลี้ยงไปรักษา เห็นน้องแมวส้มที่หมอกำลังอุ้ม ใส่แว่นดำสุดเท่ พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า ทำไมต้องแต่งหล่อขนาดนี้ ก่อนที่รู้ว่า น้องใส่แว่นดำก็เพราะกำลังรักษาแผลด้วยเลเซอร์ เลยต้องใส่แว่นกันแสงเอาไว้เพื่อป้องกันสายตา

แมวส้ม

แมวส้ม

แมวส้ม

ภาพจากเว็บไซต์ Weibo

วิธีเลี้ยงกระรอก พร้อมเคล็ดลับฝึกเจ้าตัวเล็กให้เชื่อง

กระรอกเลี้ยงยากไหม ? ตามไปดูเรื่องน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับกระรอก ทั้งนิสัย การให้อาหาร และวิธีเลี้ยงกระรอก ก่อนเอามาเลี้ยงที่บ้าน

กระรอก

กระรอก เป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่หลายคนนิยมนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะตัวเล็ก น่ารัก และน่าจะเลี้ยงง่าย แต่ทั้งนี้ในการเลี้ยงกระรอกนั้นก็มีรายละเอียดที่จะต้องดูแลใส่ใจ ดังนั้นมาดูข้อมูลวิธีเลี้ยงกระรอกก่อนตัดสินใจนำมาเลี้ยงกัน

ลักษณะกระรอก

กระรอก (Squirrel) เป็นสัตว์ฟันแทะ เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนาดลำตัวเล็กและมีความปราดเปรียวว่องไวสูง มีขนสีน้ำตาลเข้มปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย ยกเว้นใต้ท้องจะมีขนสีขาวครีม นัยน์ตากลมดำ และมีหางเป็นพวงฟู มีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้ว แต่มีนิ้วเท้าหน้าเพียงข้างละ 4 นิ้ว ไว้สำหรับจับอาหารมากัดแทะ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8 ปี แต่บางตัวก็อาจอยู่ได้ถึง 15-20 ปี

ประเภทกระรอก

กระรอกต้นไม้ เป็นกระรอกประเภทที่พบเห็นได้มากที่สุด มักจะชอบปีนป่ายอยู่บนต้นไม้และกิ่งไม้
กระรอกดิน กระรอกประเภทนี้มักจะอาศัยอยู่ในป่า ขุดดินเพื่อใช้ในการจำศีลช่วงฤดูหนาว
กระรอกบิน จะมีพังผืดระหว่างขาแต่ละข้างที่สามารถกางออกเพื่อร่อนข้ามไปยังต้นไม้แต่ละต้นได้

ทั้งนี้ หากใครจะเลี้ยงกระรอกควรศึกษาข้อมูลทั้งายพันธุ์และวิธีเลี้ยงให้ละเอียดหรือขออนุญาตก่อนเลี้ยง เนื่องจากมีกระรอกบางสายพันธุ์ จัดอยู่ในกลุ่มเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่น กระรอกขาว กระรอกบินแก้มสีแดง กระรอกบินแก้มสีเทา ฯลฯ หากฝ่าฝืนอาจมีผลทางกฎหมายได้

อาหารกระรอก

กระรอก

ตามธรรมชาติแล้วอาหารหลักของกระรอกคือผลไม้และเมล็ดพืช ไม่ว่าจะเป็นลูกสน เมล็ดพันธุ์ เห็ด ผลเบอร์รี่ โอ๊ก วอลนัท พีแคน และดอกไม้ต่าง ๆ แต่กระรอกก็ยังชอบกินแมลงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ กระรอกขนาดใหญ่อย่างพญากระรอกก็อาจกินไข่นกเป็นอาหารในบางครั้งอีกด้วย

สำหรับกระรอกเลี้ยงนั้น ในวัยแรกเกิดถึง 2 เดือน ควรเน้นให้นมเป็นหลัก หรือถ้าเป็นนมแพะจะเหมาะสมที่สุด และเมื่ออายุได้ประมาณ 40 วัน ควรเริ่มบังคับให้กระรอกกินกล้วยก่อนกินนม จากนั้นเมื่ออายุได้ประมาณ 2 เดือน ฟันจะเริ่มขึ้น ควรเริ่มให้เมล็ดทานตะวัน เพื่อเป็นการลับฟันไปในตัว แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่น เช่น ฝรั่ง เมล็ดข้าวโพด ทั้งนี้ ควรเลี้ยงพืชตระกูลสีแตงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แตงโม แตงกวา ฯลฯ เนื่องจากจะทำให้กระรอกท้องเสียได้ 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากระรอกจะสามารถกินอาหารมนุษย์อย่างขนมและอาหารแปรรูปต่าง ๆ ได้ แต่มันก็ไม่ค่อยเป็นผลดีต่อสุขภาพของกระรอกเท่าไรนัก เพราะหากให้กินมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคอ้วนและปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้นั่นเอง

วิธีเตรียมตัวก่อนนำกระรอกมาเลี้ยงในบ้าน

เนื่องจากกระรอกยังมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่า ชอบเล่น ปีนป่ย และหลบซ่อน ดังนั้นก่อนจะนำกระรอกมาเลี้ยงในบ้าน มีสิ่งที่ควรรู้และเตรียมตัวไว้ก่อนดังนี้

เก็บสิ่งของมีค่าและของที่สามารถตกแตกได้ให้มิดชิด
ปิดช่องและรูต่าง ๆ รวมทั้งเก็บสิ่งของที่กระรอกอาจเข้าไปหลบซ่อนในนั้นได้
เก็บสารเคมีหรือสิ่งของอันตรายให้มิดชิด รวมทั้งขนมแปรรูปที่ไม่ควรให้กระรอกกิน
แยกกระรอกจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ในบ้าน จนกว่ากระรอกจะคุ้นเคยกับบ้านเสียก่อน
คอยสอดส่องดูแลขณะที่กระรอกอยู่รวมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ไม่ปล่อยพวกมันอยู่กันตามลำพัง

วิธีเลี้ยงกระรอก

กระรอก

ใครที่อยากเริ่มเลี้ยงกระรอก แนะนำให้ทำความเข้าใจวิธีเลี้ยงกระรอกกันก่อน ว่าควรดูแลอย่างไรบ้าง ดังนี้

1. ให้อาหารที่เหมาะสม

ในการให้อาหารกระรอกนั้น ควรให้จำพวกเมล็ดพืชหรือแมลงตามที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ควรให้กินอาหารมนุษย์หรืออะไรก็ได้ เพราะไม่ดีกับสุขภาพของกระรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระรอกวัยแรกเกิด ถ้าหากให้อาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้กระรอกถึงกับป่วยและเสียชีวิตได้เลย

2. ให้น้ำที่เพียงพอ

นำถ้วยหรือชามใส่น้ำเปล่าวางไว้ในกรงหรือที่อยู่ของกระรอกไว้เสมอ เพื่อให้กระรอกได้รับน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทั้งนี้ควรใช้เป็นถ้วยแก้วหรือถ้วยกระเบื้องใส่น้ำ เพราะถ้าเป็นถ้วยพลาสติก กระรอกอาจจะกัดแทะได้ นอกจากนี้ถ้ากระรอกยังเป็นวัยแรกเกิด ไม่ควรใช้ถ้วยใบใหญ่หรือใส่น้ำมากเกินไป เพราะกระรอกอาจตกลงไปในน้ำและจมน้ำเสียชีวิตได้

3. หากกระรอกมีแผลหรือบาดเจ็บ

หากจับกระรอกจากข้างนอกหรือในป่ามาเลี้ยง แนะนำให้ตรวจเช็กร่างกายของกระรอกก่อนว่ามีรอยแผลหรือการบาดเจ็บใด ๆ ไหม ถ้าหากมีแผลเพียงเล็กน้อย ให้เช็ดทำความสะอาดเบา ๆ ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น แต่ถ้าหากกระรอกบาดเจ็บหรือมีแผลใหญ่เลือดออกมาก แนะนำให้พาส่งสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด

4. กระรอกจำเป็นต้องออกกำลังกาย

เนื่องจากร่างกายของกระรอกนั้นจำเป็นต้องมีการออกกำลังกายบ้าง จึงควรมีของเล่นที่ให้กระรอกได้ปีนป่ายหรือวิ่งเล่นได้ภายในกรง หรืออาจจะปล่อยให้วิ่งเล่นในห้องสักพักก็ได้ แต่จะต้องปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเพื่อไม่ให้กระรอกหนีออกไปข้างนอก และเก็บของมีค่าหรือของที่สามารถตกแตกได้ให้มิดชิดก่อนด้วย

วิธีฝึกกระรอกให้เชื่อง

กระรอก

ถึงแม้ว่ากระรอกจะเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวและฉลาด แต่พวกมันก็เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ยากเช่นกัน โดยสิ่งที่สามารถทำได้ก็คือ การใช้เวลากับกระรอกในแต่ละวัน เมื่อมันทำสิ่งที่ดีก็กล่าวชมเชยหรือให้รางวัล แต่มันมักจะไม่เรียนรู้เมื่อเราดุหรือว่ากล่าวตักเตือน เพราะการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ของพวกมันส่วนใหญ่เป็นสัญชาติญาณที่ไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างเช่นกันเล่นซนหรือทำสิ่งของเสียหาย เป็นต้น

นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ควรฝึกกระรอกก็คือ การฝึกขับถ่าย โดยสำหรับกระรอกวัยแรกเกิด ให้ใช้สำลีเปียกถูนวดบริเวณก้นเป็นวงกลมวันละหลาย ๆ ครั้ง เมื่อกระรอกมีอายุได้ 5-6 สัปดาห์ มันจะสามารถขับถ่ายเองได้สะดวกขึ้น หลังจากนั้นก็ฝึกให้มันขับถ่ายในกระบะทราย โดยให้นำอุจจาระของมันไปวางไว้ในกระบะ เพื่อให้มันได้กลิ่นและเข้าใจว่ากระบะทรายคือที่ขับถ่ายสำหรับมัน

สำหรับคนที่กำลังคิดจะเลี้ยงกระรอก ก็ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาดูนะคะ ว่าเหมาะกับเราหรือไม่จะได้ไม่เกิดปัญหาในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก : scimath.org, verdantplanet.org, pets.webmd.com และ wikihow.com

ล็อกประตูบ้าน แต่ดันลืมหยิบกุญแจออกมา เลยต้องพึ่งตัวช่วย

       เอ็นดูกันทั้งโซเชียล ล็อกประตูบ้าน แต่ดันลืมหยิบกุญแจออกมา เลยต้องพึ่งตัวช่วย

           ผู้ใช้ TikTok @noodie59 ได้เผยภาพเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ปีนขึ้นมาชั้น 2 เนื่องจากล็อกประตูแล้วลืมหยิบกุญแจบ้าน เลยบอกให้น้องหมาขึ้นไปหยิบกุญแจบนโต๊ะให้หน่อย แล้วน้องสามารถช่วยเอากุญแจให้สำเร็จ ชาวเน็ตเห็นถึงกับคอมเมนต์ว่า อยากแท็กให้หมาที่บ้านดูจริง ๆ

ล็อกประตูบ้าน

ล็อกประตูบ้าน

ล็อกประตูบ้าน

ล็อกประตูบ้าน

ล็อกประตูบ้าน

ล็อกประตูบ้าน

ภาพจาก TikTok @noodie59

ไม่มีใครยอมใคร กระต่าย 2 ตัว กระโดดต่อสู้กลางอากาศ ก่อนลงเอยแบบนี้…

       ศึกมวยกระต่าย ที่ทั้งคู่สู้กันกลางอากาศ ในชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร ก่อนลงเอยแบบที่ใครคาดไม่ถึง

           ทวิตเตอร์ @utajima ซึ่งเป็นช่างภาพชาวญี่ปุ่น ที่ชอบถ่ายภาพกระต่ายบนเกาะ Okunoshima โดยปกติเราจะได้เห็นมุมน่ารักของกระต่ายที่ช่างภาพถ่ายทอดมาให้ แต่ไม่ใช่สำหรับกระต่ายคู่นี้ ช่างภาพได้ถ่ายชอตที่ทั้งคู่กำลังกระโดดต่อสู้กันกลางอากาศ ต่างคนต่างสู้กันอย่างดุเดือด สุดท้ายลงเอยด้วยการที่ทั้งคู่นอนกอดกัน ราวกับไม่มีเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้

กระต่าย

กระต่าย

กระต่าย

กระต่าย

กระต่าย

ภาพจากทวิตเตอร์ @utajima

แมวดำเล่นซน จนแก้วกาแฟแม่หก เลยหาทางหนีความผิดด้วยวิธีสุดฮา

       แกล้งตายหนีความผิด แมวดำเล่นซน จนแก้วกาแฟแม่หก เลยหาทางหนีความผิดด้วยวิธีสุดฮา

           เฟซบุ๊ก Supisara Noiwiang ได้โพสต์ในกลุ่ม แมวดำ​นำโชค ซึ่งเป็นภาพของเจ้าแมวดำตัวหนึ่ง กำลังเล่นซนอยู่ในบ้าน ไม่รู้ว่าไปเล่นท่าไหน ถึงทำแก้วกาแฟแม่หกลงพื้น พอโดนแม่จับได้ เลยหนีความผิดด้วยการแกล้งตาย เป็นวิธีเอาตัวรอดที่ฉลาด จนเหล่าทาสแมวพากันขำสนั่นโซเชียล

แกล้งตาย

ภาพจากเฟซบุ๊ก Supisara Noiwiang

10 สายพันธุ์กระต่ายน่ารักน่าเลี้ยง ที่ใคร ๆ เห็นแล้วต้องเลิฟเลย !

ทำความรู้จักกับ 10 สายพันธุ์กระต่ายยอดนิยม สำหรับผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงกระต่าย มีพันธุ์ไหนน่ารักน่าเลิฟบ้าง เรามีมาแนะนำให้แล้ว

หากพูดถึงสัตว์เลี้ยงที่คนชอบนำมาเลี้ยงกันในบ้านแล้ว นอกจากสุนัขและแมว กระต่ายก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความน่ารักของมัน ไม่ว่าจะเป็นขนอันนุ่มนิ่มและตากลมแบ๊ว ๆ แถมยังเลี้ยงไม่ยาก ไม่ส่งเสียงดังรบกวนอีกด้วย แต่เนื่องจากกระต่ายนั้นมีอยู่หลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็มีลักษณะและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจึงนำ 10 สายพันธุ์กระต่ายสุดน่ารักมาแนะนำให้ผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงกระต่ายได้ลองพิจารณาเลือกกัน

วิธีเลือกสายพันธุ์กระต่ายมาเลี้ยง

ก่อนซื้อกระต่ายมาเลี้ยง ไม่ควรดูตามความชอบเพียงอย่างเดียว เพราะแม้ภายนอกของกระต่ายจะดูคล้ายกันทุกสายพันธุ์ แต่ก็มีข้อแตกต่างกันในรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิสัย ขนาด ลักษณะขน ซึ่งต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน สายพันธุ์กระต่ายที่เหมาะกับการเลี้ยงในบ้าน ควรเลือกกระต่ายขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ดูแลง่าย เป็นต้น 

สายพันธุ์กระต่ายยอดนิยม

1. ฮอลแลนด์ลอป

กระต่ายฮอลแลนด์ลอป (Holland Lop)

ฮอลแลนด์ลอป (Holland Lop) ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากเฟรนช์ลอป (French Lop) โดยจะมีขนาดตัวที่เล็กกว่า มาพร้อมหูปรกข้างศีรษะ สีขนมีมากกว่า 30 สีเลยทีเดียว แถมยังเป็นกระต่ายที่เป็นมิตร น่ารัก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกระต่ายพันธุ์ที่คนนิยมเลี้ยงมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ 

2. เนเธอร์แลนด์ดวอฟ

กระต่ายเนเธอร์แลนด์ดวอฟ (Netherland Dwarf)

เนเธอร์แลนด์ดวอฟ (Netherland Dwarf) หนึ่งในกระต่ายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด มักมีน้ำหนักตัวประมาณ 1 กิโลกรัมเท่านั้น พวกมันมีหูที่สั้นและตั้งตรง ขนหลากหลายสี ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กนิดเดียว แต่ก็มีพลังงานที่ล้นเหลือ ชอบใช้เวลาไปกับการวิ่งเล่นออกกำลังกาย ซึ่งหากมันออกกำลังกายไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอารมณ์เกรี้ยวกราด จึงควรเลี้ยงแบบปล่อยดีกว่าการขังไว้ในกรง เป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับครอบครัว แต่ไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก 

3. มินิเร็กซ์

กระต่ายมินิเร็กซ์ (Mini Rex)

มินิเร็กซ์ (Mini Rex) ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์เร็กซ์ (Rex) มีจุดเด่นที่ขนสั้นละเอียด เวลาสัมผัสจะรู้สึกคล้ายกับผ้ากำมะหยี่ แถมยังเลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลมาก อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเชื่อง ชอบออกกำลังกาย เป็นมิตรและเข้ากับคนในครอบครัวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ 

4. มินิลอป

กระต่ายมินิลอป (Mini Lop)

มินิลอป (Mini Lop) เป็นกระต่ายที่เกิดจากการผสมกันระหว่างหลายสายพันธุ์ มีตัวขนาดเล็กแต่ใหญ่กว่าสายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอป มีนิสัยเชื่อง เลี้ยงง่าย ชอบอยู่กับครอบครัว และต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ถ้าหากถูกปล่อยให้เหงาเมื่อไรมันมักจะกัดหรือเตะเจ้าของเพื่อเรียกร้องความสนใจ

5. ดัตช์

กระต่ายดัตช์ (Dutch)

ดัตช์ (Dutch) มีจุดเด่นที่สังเกตได้ง่ายและแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นเลยก็คือ ขนสีขาว-ดำ หูตั้งตรง ลำตัวขนาดเล็ก และมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ ราว ๆ ปี ค.ศ. 1830 พร้อมทั้งมีการพัฒนาให้เป็นสายพันธุ์กระต่ายที่เชื่อง เป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่าย และดูแลง่าย เหมาะกับการนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวอีกด้วย 

6. แคลิฟอร์เนียน

กระต่ายแคลิฟอร์เนียน (Californian)

แคลิฟอร์เนียน (Californian) เป็นพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มักจะเห็นได้บ่อยในการแสดงโชว์ต่าง ๆ มีจุดเด่นคือ ตัวจะเป็นสีขาว มาพร้อมแต้มสีดำ 4 จุด คือ หู จมูก หาง และเท้าที่เป็นสีดำหรือสีอื่น ๆ จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์กระต่ายที่เชื่องและเหมาะนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงไม่น้อยเลยทีเดียว

7. ไลอ้อนเฮด

กระต่ายไลออนเฮด (Lionhead)

ไลอ้อนเฮด (Lionhead) กระต่ายพันธุ์เล็กที่มาพร้อมแผงคอฟู ๆ คล้ายกับสิงโต ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์นั่นเอง มีนิสัยเป็นมิตรกับเด็ก ๆ แต่ค่อนข้างจะขี้เบื่อง่าย พวกมันชอบที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการออกกำลังกายหรือการเล่น แถมบางครั้งยังชอบเดินมาคลอเคลียกับเจ้าของด้วย 

8. เฟรนช์ลอป

กระต่ายเฟรนช์ ลอป (French Lop)

เฟรนช์ลอป (French Lop) กระต่ายพันธุ์ขนาดกลาง-ใหญ่ มีความน่ารักและฉลาด ถือกำเนิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา มีน้ำหนักตัวสูงสุดมากกว่า 6 กิโลกรัม พวกมันมีหูที่ยาวและลู่ลง แก้มป่อง หน้าผากกว้าง มีขนที่นุ่มและหนาที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ไม่ค่อยเหมาะกับการเลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กเล็กสักเท่าไรนัก เพราะมันมักชอบใช้เวลาอยู่กับเจ้าของที่เป็นผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุมากกว่า

9. เฟลมมิชไจแอนท์

กระต่ายเฟลมมิชไจแอนท์ (Flemish Giant)

เฟลมมิชไจแอนท์ (Flemish Giant) หนึ่งในกระต่ายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีอายุขัยที่ยาวนาน โดยพวกมันมีน้ำหนักสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 7 กิโลกรัม เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่คนนิยมเลี้ยงเนื่องจากนิสัยที่เป็นมิตรกับทุก ๆ คน แต่ในขณะเดียวก็เป็นกระต่ายที่ชอบอยู่เฉย ๆ ดังนั้นเจ้าของจึงควรฝึกให้พวกมันออกกำลังกายบ่อย ๆ 

10. ฮาร์เลคควิน

กระต่ายฮาเล็คควีน (Harlequin)

ฮาร์เลคควิน (Harlequin) เป็นกระต่ายพันธุ์ขนาดกลาง-ใหญ่ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ลักษณะขนและลวดลายสีสันบนตัวถือเป็นจุดเด่นของสายพันธุ์นี้ หูทั้งสองข้างจะหันออกจากกัน สีของส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหู ใบหน้า และเท้า มักจะแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะประกอบไปด้วยสีดำและสีส้ม พวกมันมีนิสัยที่ค่อนข้างสุขุมเรียบร้อย แต่ในบางครั้งก็อาจซุกซนและขี้เล่นได้เหมือนกัน

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับกระต่ายน่ารัก ๆ ทั้ง 10 สายพันธุ์กันไปแล้ว ใครที่รู้สึกถูกชะตากับพันธุ์ไหนเป็นพิเศษก็หามาเลี้ยงกันได้เลย แต่ก็อย่าลืมศึกษาวิธีการเลี้ยงและการดูแลที่ถูกต้องก่อนด้วยล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : wagwalking.com, animalcorner.org และ pethelpful.com

แมวที่บ้านดำจนหาไม่เจอ ทาสเลยแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ใครคาดไม่ถึง

       ปัญหานี้จะหมดไป… แมวที่บ้านดำจนหาไม่เจอ ทาสเลยแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ใครคาดไม่ถึง

           เฟซบุ๊ก Lac Thu ได้เผยภาพทาสแมวคนหนึ่ง กำลังประสบปัญหาในการเลี้ยงแมวดำ เวลาอยู่ใกล้วัตถุสีดำหรือที่มืด มักจะเห็นแค่ดวงตาสีเหลืองเท่านั้น ถ้าหลับคือยิ่งหาไม่เจอเลย ทาสเลยคิดวิธีแก้ปัญหาด้วยการแปะดวงตาเพิ่มอีก 2 ดวงให้กับเจ้าแมวดำ กลายเป็นภาพที่สร้างเสียงหัวเราะถล่มทลาย

แมวดำ

แมวดำ

แมวดำ

แมวดำ

แมวดำ

แมวดำ

ภาพจากเฟซบุ๊ก Lac Thu

มนุษย์พาเจ้าชิบะล่องเรือครั้งแรก หวังอยากมีความทรงจำดี ๆ แต่ผลที่ได้…

       ไหงเป็นงี้ไปได้ มนุษย์พาเจ้าชิบะล่องเรือครั้งแรก หวังอยากมีความทรงจำดี ๆ แต่ผลที่ได้…

           ทวิตเตอร์ @WkfxjfrP ได้เผยภาพชายหนุ่มท่านหนึ่ง พาน้องหมาชิบะไปเที่ยวเกาะ พร้อมขึ้นเรือเป็นครั้งแรก ในขณะที่นั่งเรือ หวังอยากสร้างความทรงจำดี ๆ ที่พาน้องมาเที่ยว แต่โชคชะตาดันไม่เข้าข้าง ปรากฏว่าเมาเรือทั้งคู่ พากันเอาหัวพิงผนังเรือข้าง ๆ นี่สินะความทรงจำดี ๆ ที่อยากได้…

ล่องเรือ

ภาพจากทวิตเตอร์ @WkfxjfrP

ทำความรู้จัก หมูแคระ เจ้าอู๊ดไซซ์มินิ สัตว์เลี้ยงที่หลายคนหลงรัก

ทำความรู้จัก หมูแคระ พร้อมวิธีเลี้ยงและดูแล เจ้าหมูตัวไซซ์มินิ สัตว์เลี้ยงที่หลายคนหลงรัก เลี้ยงได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน

หมูแคระ

หมูแคระ หนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารักน่าชังและมีคนให้ความสนใจอยากเลี้ยงกันไม่ใช่น้อย เนื่องจากมีขนาดตัวที่เล็กกว่าหมูทั่วไป สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ้านและนอกบ้านเช่นเดียวกับสุนัขและแมว แต่การจะนำมาเลี้ยงสักตัวก็ควรมาทำความรู้จักกันก่อนว่าหมูแคระนั้นมีลักษณะยังไง มีวิธีการเลี้ยงและดูแลที่ถูกต้องอย่างไรบ้าง

ลักษณะหมูแคระ

หมูแคระ (Mini Pig) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Porcula Salvania เป็นหมูที่มีรูปร่างอ้วนท้วน มีหัวค่อนข้างใหญ่และขาสั้น ซึ่งมีการพัฒนาหมูสายพันธุ์นี้ขึ้นมาในประเทศอังกฤษ ก่อนจะนิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป ถ้าเป็นหมูแคระพันธุ์แท้จากเวียดนามมักจะมีตัวสีดำ หูตั้งและหางตรง เมื่อโตเต็มวัยความสูงจะอยู่ที่ประมาณ 36-50 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 30-60 กิโลกรัม

นอกจากนี้ยังมี ไมโครพิก (Micro Pig) หรือ ทีคัพพิก (Teacup Pig) ลูกหมูสายพันธุ์ผสม เมื่อเกิดมาจะมีขนาดเล็กมากเทียบเท่ากับถ้วยน้ำชาเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีขนาดตัวที่เล็กกว่าและลวดลายหลากหลายกว่าหมูแคระทั่วไปอีกด้วย

หมูแคระกินอะไร

หมูแคระ

อาหารของหมูจิ๋วนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดหมูคุณภาพสูง ผักหรือผลไม้ โดยหมูแคระแต่ละช่วงวัยจะต้องการอาหารสูตรที่แตกต่างกัน ตั้งแต่อาหารสำหรับวัยเด็ก วัยกำลังโต โตเต็มวัย และวัยสูงอายุ

โดยทั่วไปแล้วหมูแคระที่เป็นวัยแรกเกิดมักจะกินนมจากขวด ซึ่งหากไม่แน่ใจควรปรึกษาสัตวแพทย์ว่าควรให้อาหารสูตรใดจึงจะเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้อาจให้รับประทานผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ขึ้นฉ่ายฝรั่ง พริกไทย แตงกวา แครอต ฟักทอง มันเทศ ลูกแพร์ องุ่น แอปเปิล และผักใบเขียว แล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะให้กินน้ำสะอาด ๆ ด้วยล่ะ

วิธีเลี้ยงหมูแคระ

หมูแคระ

สถานที่เลี้ยงหมูแคระ

หากต้องการเลี้ยงหมูแคระไว้นอกบ้าน หมูแคระจะต้องการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่มีบริเวณให้สามารถเดินเล่นไปมาได้ พร้อมฟางข้าวนุ่ม ๆ สำหรับเป็นที่นอน โดยต้องมีรั้วสูงกั้นรอบ ๆ เพื่อป้องกันการหนีออกมาและไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าไปได้ ส่วนถ้าหากเลี้ยงไว้ในบ้านก็ต้องมีกล่องหรือลังปูด้วยผ้าห่มไว้ใช้เป็นที่นอนหลับพักผ่อนด้วย

การขับถ่าย

สำหรับการขับถ่ายไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงในบ้านหรือนอกบ้าน สามารถฝึกให้ขับถ่ายในกระบะทรายได้ โดยกระบะทรายแบบที่มีพนักพิงสูงจะเหมาะกับหมูแคระในวัยเด็ก แต่ถ้าเป็นตัวโตเต็มวัยแล้วก็สามารถทำกระบะทรายได้เอง โดยอาจใช้อาหารเม็ด ขี้กบ ขี้เลื่อย เศษกระดาษ หรือแผ่นรองหญ้าปูลงไปในกระบะ

การออกกำลังกาย

เนื่องจากหมูแคระเป็นสัตว์ที่ฉลาด และต้องการได้รับความรักความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เจ้าของจึงควรแบ่งเวลามาเล่นด้วยอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง และด้วยนิสัยที่อยากรู้อยากเห็นจะทำให้มันชอบวิ่งซนไปเรื่อย จึงควรหาที่กั้นเด็กมาจำกัดบริเวณเอาไว้ และถ้าหากปล่อยให้ออกมาเดินเล่นข้างนอกก็ควรสอดส่องดูแลระวังไม่ให้เผลอกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไป รวมทั้งระวังสิ่งของแหลมคม หรือเล่นกับเด็กเล็กรุนแรงเกินไปด้วย

การอาบน้ำ

นอกจากนี้เจ้าของก็ควรอาบน้ำให้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้แชมพูและสบู่ที่ผลิตมาสำหรับหมูโดยเฉพาะ เพราะสบู่ที่คนใช้ทั่วไปอาจทำให้ผิวหนังแห้งหรือระคายเคืองได้ แนะนำให้อาบน้ำในอ่างด้วยน้ำอุ่น ใช้แปรงขัดถูเพื่อกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เสร็จแล้วเช็ดตัวให้แห้ง และทาเบบี้ออยล์เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น

เลี้ยงหมูแคระมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

หมูแคระ

             ในการจะเลี้ยงหมูแคระสักตัวนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หลายอย่างดังต่อไปนี้

ราคาหมูแคระ ตัวละประมาณ 8,000-20,000 บาท หรือขึ้นอยู่กับผู้จำหน่าย

ค่าใบอนุญาต (ในกรณีที่ต้องใช้)

ค่าวัคซีน, ตรวจสุขภาพ, ทำหมัน และค่ารักษาพยาบาล 

ค่าอาหารและวิตามินต่าง ๆ

ค่าตกแต่งที่อยู่อาศัย เช่น คอก ที่นอน หรือบ้านสำหรับหมูแคระ

ค่าจ้างคนเลี้ยงดูแทนในยามจำเป็น

ค่าซ่อมสิ่งของที่เสียหายที่เกิดจากความซนของหมูแคระ

            หลังจากที่ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับวิธีการเลี้ยงหมูแคระกันไปแล้ว ใครที่คิดจะนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงก็อย่าลืมดูแลเอาใจใส่ให้มาก ๆ นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : petkeen.com, lafeber.com และ spca.bc.ca
 

5 แมวไทยมงคล ลักษณะดี ช่วยนำโชคลาภมาให้

ทำความรู้จักแมวไทยมงคล 5 สายพันธุ์ มาเปิดประตูรับโชคลาภ พร้อมสัมผัสเสน่ห์มนตร์ขลังของแมวไทยในตำนานกัน

แมวไทยมงคล

แมวไทยนั้นไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก แต่ยังแฝงไว้ด้วยตำนานและความเชื่ออันล้ำค่า โดยเฉพาะความเป็นแมวไทยมงคลที่มีลักษณะพิเศษตามตำราโบราณ ซึ่งว่ากันว่าแมวเหล่านี้จะนำโชคลาภ เงินทอง และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผู้เลี้ยง ในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับแมวไทยมงคลทั้ง 5 สายพันธุ์ ที่ยังมีชีวิตและนิยมเลี้ยงในปัจจุบัน พร้อมไขความลับ เอกลักษณ์ และความหมายอันเป็นมงคลของน้อง ๆ กัน

แมวไทย คืออะไร ?

แมวไทย (Siamese Cat) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Felis Silvestris เป็นแมวที่สืบเชื้อสายจากแมวไทยโบราณ ลักษณะเด่นคือ มีศีรษะไม่กลมหรือแหลมจนเกินไป หน้าผากกว้าง จมูกสั้น หูสั้นและตั้ง ลำตัวมีขนาดปานกลางและเพรียวบาง ขาเรียวได้รูปเข้ากับสัดส่วน ปลายหางเรียวแหลมและชี้ตรง อีกทั้งยังเป็นแมวที่มีความฉลาด รักเจ้าของ รักอิสระ รู้จักประจบ 

นอกจากนี้ยังมีการบันทึกลักษณะแมวไทยโบราณไว้ในสมุดข่อย ประกอบด้วยแมวลักษณะที่ดี 17 ชนิด และแมวลักษณะร้าย 6 ชนิด ซึ่งมีความเชื่อที่ว่าหากผู้ใดได้เลี้ยงแมวที่ลักษณะดีก็จะเป็นมงคล นำโชคลาภมาให้ ช่วยให้ค้าขายได้กำไร มีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย

แมวไทยมงคล 5 สายพันธฺุ์

1. แมวขาวมณี หรือขาวปลอด (Khao Manee)

แมวขาวมณี หรือขาวปลอด

แมวขาวมณี เป็นแมวพันธุ์หายากที่ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศไทย และมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกบันทึกในตำราแมวโบราณ แต่ก็ถือว่าเป็นแมวลักษณะดี และได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้เลี้ยงแมว 

แมวขาวมณี มีลักษณะเด่นคือ ขนสั้น เรียบ สีขาวล้วน โดยบางตัวจะมีตาสีฟ้าและสีเขียวอย่างละข้าง แมวพันธุ์นี้มีนิสัยขี้เล่นซุกซน ร่าเริง มีชีวิตชีวา และชอบเข้าสังคม สามารถเข้ากับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ รวมทั้งคนแปลกหน้าได้ดี ทำให้เป็นแมวที่เหมาะแก่การเลี้ยงไว้รับแขก

2. แมววิเชียรมาศ (Siamese Cat)

แมววิเชียรมาศ

ในอดีตกาลแมววิเชียรมาศเป็นเพียงแมวพันธุ์เดียวที่ได้การยอมรับให้เป็นสัตว์เลี้ยงในราชวงศ์ โดยตามตำนานแล้วแมววิเชียรมาศทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์วิหาร ปกป้องดวงวิญญาณของผู้มีอิทธิพลที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งได้รับการดูแลและให้อาหารเป็นอย่างดี โดยในปัจจุบันแมวพันธุ์นี้กลายเป็นที่รักของชาวไทย อีกทั้งเชื่อว่ายังช่วยเสริมด้านการเงินให้ผู้เลี้ยงมีทรัพย์สินเพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย

แมววิเชียรมาศ มีลักษณะลำตัวเล็กสีขาว มีแต้มสีครั่งรวม 9 จุด ได้แก่ ใบหน้า หูทั้ง 2 ข้าง เท้าทั้ง 4 ข้าง หาง และอวัยวะเพศ นัยน์ตาสีฟ้าใส เป็นแมวที่มีชีวิตชีวาและฉลาดเฉลียว มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา มีนิสัยติดเจ้าของ ต้องการความรักและมีคนเล่นด้วย เหมาะสำหรับเลี้ยงในครอบครัว สามารถเข้ากับเด็ก ๆ รวมทั้งสุนัขได้ดี

อ่านเพิ่มเติม : แมววิเชียรมาศ เพชรแห่งดวงจันทร์ แมวไทยโบราณที่สร้างชื่อไปทั่วโลก

3. แมวศุภลักษณ์ (Suphalak)

แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไท โดยมักถูกเหมารวมกับแมวพันธุ์เบอร์มีส หรือฮาวานาบราวน์ เนื่องจากมีสีน้ำตาลและทองแดงที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งที่จริงแล้วแมวศุภลักษณ์นั้นเป็นสายพันธุ์แยกออกมา โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยนำยศศักดิ์มาให้แก่ผู้เลี้ยง

แมวศุภลักษณ์ มีลิ้นสีทองแดงหรือสีน้ำตาลคล้ามสีสนิม ตาสีเหลืองอำพัน แมวพันธุ์นี้จะมีความฉลาดและให้ความรักกับเจ้าของเท่ากับที่ได้รับจากเจ้าของ ชอบอยู่ใกล้เจ้าของตลอดเวลา สามารถเข้ากับคนในครอบครัวได้ดี จนถูกมองว่ามีนิสัยเหมือนสุนัขมากกว่าแมวพันธุ์อื่น ๆ และเนื่องจากแมวศุภลักษณ์เป็นแมวที่ค่อนข้างหายากและมีราคาสูง จึงเสี่ยงต่อการถูกขโมยและเหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในบ้านมากกว่า

4. แมวโคราช (Korat)

แมวโคราช

แมวโคราช มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองพิมายของประเทศไทย โดยตั้งชื่อพันธุ์ตามชื่อจังหวัดนครราชสีมาที่คนไทยมักเรียกกันติดปากว่าโคราช ซึ่งในไทยแมวพันธุ์นี้จะมีอีกชื่อเรียกว่า “แมวสีสวาด” ถือเป็นแมวนำโชคที่มักจะถูกนำไปมอบให้คู่บ่าวสาวหรือบุคคลที่ได้รับการยกย่องเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี

แมวโคราช มีสีขนที่เป็นเอกลักษณ์ คือสีน้ำเงินอมเงินเป็นประกาย ขนสั้น เล็บและหนวดมีสีขาว เป็นแมวที่มีนิสัยฉลาด น่ารัก เหมาะสำหรับเลี้ยงในครอบครัว โดยเมื่อเทียบกับแมวพันธุ์อื่น ๆ แล้ว แมวโคราชจะมีความเชื่องมากกว่า ชอบของเล่นและมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของ แต่จะค่อนข้างกลัวคนแปลกหน้า

5. แมวนิลรัตน์ หรือแมวโกนจา (Konja)

แมวนิลรัตน์ หรือแมวโกนจา

แมวนิลรัตน์ เป็นแมวที่มีสีดำสนิท ทำให้ในบางครั้งถูกจำสับสนกับแมวบอมเบย์ และเนื่องจากลักษณะการเดินที่ดูสง่างามคล้ายสิงโต จึงเคยถูกนำไปเปรียบกับสิงห์ที่เป็นสิงโตในตำนานของไทย โดยคนไทยมักมีความเชื่อว่าการเลี้ยงแมวจะนำมาซึ่งโชคลาภ

แมวนิลรัตน์ ลักษณะเด่นคือ มีสีดำสนิทตลอดทั้งตัว มีร่องสีขาวจากใต้คางไปตามท้องจนสุดทวาร นัยน์ตาสีเหลืองดอกบวบ ปากแหลม หางเรียวยาว เท้าคล้ายสิงห์ ซึ่งไม่เพียงแต่สวยงาม ลึกลับ และมีเสน่ห์เท่านั้น แต่ยังเป็นแมวที่ฉลาด ขี้สงสัย น่ารัก และเป็นแมวที่เหมาะแก่การเลี้ยงในครอบครัว สามารถเข้ากับเด็ก ๆ ได้ดี แถมยังค่อนข้างติดเจ้าของ นอกจากนี้ยังเป็นแมวที่สามารถช่วยฮีลใจให้กับเจ้าของได้ดีอีกด้วย 

ทั้งหมดนี้ก็คือแมวไทยมงคลทั้ง 5 สายพันธุ์ ที่เหมาะกับเพื่อน ๆ ทาสแมวสายมู หรือผู้ที่อยากได้แมวนำโชคไว้เลี้ยงเพื่อเสริมดวง เรียกโชคลาภ เงินทอง และนำพาสิ่งดี ๆ มาสู่ตัวเจ้าของ แต่หากนำมาเลี้ยงแล้วก็อย่าลืมเอาใจใส่เลี้ยงดูและให้ความรักกับน้องมาก ๆ ด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : m-culture.in.th และ catster.com