วิธีปล่อยปลาให้ถูกต้อง ทำบุญยังไงให้ได้บุญ ไม่ทำลายระบบนิเวศ

วิธีปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ เรื่องควรรู้ก่อนทำบุญปล่อยปลา ไปดูกันว่าปลาแต่ละสายพันธุ์เหมาะกับพื้นที่แบบใด จะได้นำไปปล่อยให้ถูกต้อง และไม่กระทบกับระบบนิเวศ

วิธีปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์

หากพูดถึงการทำบุญแล้ว การทําบุญปล่อยปลาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้คนนิยมทำกัน โดยเฉพาะในช่วงขึ้นปีใหม่ แต่ถ้าหากไม่รู้วิธีการปล่อยปลาที่ถูกต้องก็อาจส่งผลเสียต่อตัวปลาไปจนถึงระบบนิเวศในแหล่งน้ำก็ได้ วันนี้เราจึงจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปล่อยปลา ว่าจะทำบุญยังไงไม่ให้กระทบต่อระบบนิเวศ ถ้าอยากรู้แล้วก็ตามไปอ่านกันเลย

อ่านเพิ่มเติม : ความหมายการปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์

วิธีปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์

เลือกปลาให้เหมาะกับแหล่งน้ำ

ควรเลือกปลาพื้นถิ่นหรือปลาที่เหมาะกับแหล่งน้ำนั้น ๆ นอกจากนี้ปลาควรมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีแผลตามตัว ไม่เป็นพาหะหรือเป็นโรคที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาด ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของปลาที่นำไปปล่อย และรักษาสมดุลของระบบนิเวศไปพร้อมกัน 

ปล่อยในเวลาที่เหมาะสม

เวลาในการปล่อยสัตว์น้ำควรเป็นเวลาเช้าหรือเย็นที่อากาศไม่ร้อนจัด ก่อนปล่อยควรนำน้ำจากแหล่งน้ำที่จะปล่อยปลามาผสมกับน้ำเดิมที่ปลาอยู่ก่อน เพื่อให้ปลาได้ปรับตัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ปล่อยปลาลงไปในแหล่งน้ำ  

ความหนาแน่นของสัตว์น้ำ

นอกจากนี้ควรคํานึงถึงปริมาณความหนาแน่นของสัตว์น้ำในแหล่งน้ำนั้น ๆ ซึ่งถ้าหากแหล่งน้ำนั้นมีสัตว์น้ำจำนวนมากก็ไม่ควรปล่อยลงไปเพิ่ม เพราะจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำ เกิดของเสียสะสม และอาจทำให้สัตว์น้ำตายเป็นจํานวนมาก โดยเฉพาะในแหล่งน้ำปิดที่ไม่มีทางเชื่อมต่อ

ปลาที่ไม่ควรนำไปปล่อย

วิธีปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์

สัตว์น้ำที่ไม่ควรนำไปปล่อย ได้แก่ กลุ่มกินเนื้อเป็นอาหาร เช่น ปลาชะโด และสัตว์น้ำต่างถิ่น เช่น ปลาหมอมายัน ปลาซัคเกอร์ เต่าแก้มแดง กุ้งเครย์ฟิช ฯลฯ เพราะหากนำไปปล่อยโดยไม่มีการควบคุมก็จะทำให้เกิดการรุกราน เช่น เกิดการแย่งอาหาร โดนสัตว์ต่างถิ่นกินไข่หรือตัวอ่อน อาจทำให้เกิดโรคจากสัตว์ที่เป็นพาหะ นอกจากจะทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำนั้น ๆ แล้ว ยังส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำพื้นถิ่นหรือสัตว์น้ำที่มีอยู่ในธรรมชาติค่อย ๆ ลดน้อยลงไปด้วย

ปลาที่นิยมปล่อยลงแม่น้ำ

1. ปลาสวาย

ปลาสวาย

ปลาสวาย (Striped Catfish) มีลักษณะลำตัวยาว สีนวลขาว หลังมีสีเข้ม ครีบมีสีเหลืองอ่อน หน้าทู่ ปากกว้าง มีหนวด 2 คู่ ส่วนหัวจะลาดไปถึงบริเวณปาก เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่และใช้พื้นที่กว้างในการอยู่อาศัย ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใกล้พรรณไม้น้ำ 

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ : แม่น้ำ ลำคลอง ที่ระดับน้ำมีความลึกและกระแสน้ำไหลแรง 

2. ปลาตะเพียน

ปลาตะเพียน

ปลาตะเพียน (Common Silver Barb) มีลักษณะลำตัวอ้วนป้อม สีเขียวอมฟ้า ท้องขาว ด้านหลังมีสีน้ำตาลอมเทา หัวเล็ก เกล็ดใหญ่ ปากเล็ก มีก้านครีบอ่อนของครีบก้นอยู่ 5-6 ก้าน ว่ายน้ำได้รวดเร็ว กระโดดได้สูง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี และชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง 

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ : แม่น้ำ ลำคลอง ที่ระดับน้ำมีความลึกและกว้าง

3. ปลากราย

ปลากราย

ปลากราย (Spotted Featherback) ลำตัวและท้องแบน สันหลังสูงแล้วค่อย ๆ ลาดลงไปทางหาง ลำตัวมีสีเทาเงิน เกล็ดละเอียด หัวเล็ก ปากสั้นทู่ เมื่อเป็นลูกปลาจะมีแถบสีดำพาดขวางลำตัว แล้วค่อย ๆ กลายเป็นจุดดำอยู่บริเวณท้องไปจนถึงหางแทน ชอบอยู่เป็นฝูงเล็ก ๆ ไม่ชอบแสงสว่าง ออกหากินตอนกลางคืน และมักซ่อนอยู่ตามซอกหินหรือตอไม้

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ แม่น้ำ ลำคลอง เลือกขนาด 4-5 นิ้วขึ้นไป แบ่งปล่อยให้กระจายตามจุดต่าง ๆ

4. ปลาช่อน

ปลาช่อน

ปลาช่อน (Striped Snakehead Fish) มีหัวโต ลำตัวอ้วนกลมยาวเรียวเป็นทรงกระบอก มีเกล็ดขนาดใหญ่ สีน้ำตาลอ่อนหรือสีคล้ำอมมะกอก และมีลายทแยงสีคล้ำตลอดทั้งลำตัว มีตั้งแต่ขนาด 30-40 เซนติเมตร ไปจนถึง 1 เมตร ชอบอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ ตามริมตลิ่งชายคลองที่มีพืชน้ำขึ้น ไม่ควรปล่อยจำนวนมากเนื่องจากกินเนื้อเป็นอาหาร

5. ปลาไหล

ปลาไหล

ปลาไหล (Swamp Eel) ลักษณะลำตัวคล้ายงู ไม่มีครีบ ไม่มีเกล็ด มีสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมเหลือง ลำตัวมีสีเข้มกว่าส่วนท้อง ไม่มีก้าง แต่มีกระดูกสันหลัง เมื่อโตเต็มที่จะมีตั้งแต่ขนาด 0.5-1 เมตร และกินเนื้อเป็นอาหารหลัก

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ท้องนา หรือร่องสวน บริเวณที่มีดินเฉอะแฉะและกระแสน้ำไหลไม่แรงมาก

6. ปลาดุกอุย หรือปลาดุกนา

ปลาดุกอุยหรือปลาดุกนา

ปลาดุกอุย หรือปลาดุกนา (Clarias Macrocephalus) ปลาพื้นบ้านของไทย ลำตัวทู่ ไม่มีเกล็ด สีค่อนข้างเหลืองและมีจุดประตามตัว ที่หัวมีหนวด 4 เส้น 

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ ลำคลอง หนอง บึง ที่มีน้ำไหลไม่แรงมาก มีกอหญ้าอยู่ริมตลิ่ง

7. ปลาบู่ทราย

ปลาบู่ทราย

 ปลาบู่ทราย (Sand Goby, Marbled Sleeper) ลำตัวค่อนข้างกลม ตัวสีดำ มีลายสีน้ำตาลพาดไขว้ด้านข้างลำตัว ขนาดประมาณ 20 เซนติเมตร อาศัยในแหล่งน้ำนิ่งและแม่น้ำ พบได้ทุกภาคของประเทศไทย

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ บริเวณที่เป็นกองหิน ขอนไม้ หรือไม้ชายน้ำ ควรปล่อยตัวที่มีขนาดโตหน่อย

8. ปลาหมอไทย

ปลาหมอไทย

ปลาหมอไทย (Climbing Perch, Walking Fish) ลักษณะลําตัวป้อมแบน เกล็ดแข็ง มีสีน้ำตาลเหลืองปนดําและแถบ 7-8 แถบ มีจุดสีดำที่โคนหาง หัวเล็กสั้นและลาดลง อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำจืดทั่วไปทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล

แหล่งน้ำที่ปล่อยได้ ลำคลอง หนอง บึง ที่มีน้ำไหลไม่แรงมาก มีกอหญ้าอยู่ริมตลิ่ง ไม่ควรปล่อยลงแม่น้ำใหญ่

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้ไว้ก่อนจะทำบุญด้วยการปล่อยปลา เพื่อที่จะได้ทำบุญกันอย่างสุขใจและไม่สร้างผลเสียต่อระบบนิเวศกันนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : foodnetworksolution.com, ku.ac.th, pasusat.com, fisheries.go.th (1) (2),  thaihealth.or.th, และ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์

ลูกชายกลับบ้านพร้อมกับหมาจร แม่เห็นจะว่ายังไง…

       อยากเลี้ยงเพราะสงสารน้อง ลูกชายกลับบ้านพร้อมกับหมาจร แม่เห็นจะว่ายังไง…

           ผู้ใช้ TikTok @paicatlove….196 ได้เผยภาพตอนลูกชายออกไปข้างนอก ก่อนที่กลับมาพร้อมกับหมาจรตัวน้อย ซึ่งลูกตั้งใจเอามาเลี้ยงเพราะรู้สึกสงสารน้อง เลยขอแม่เลี้ยงน้องได้ไหม แม่เลยลองทำฟอร์มเป็นใจแข็ง เพื่อดูว่าลูกจะมีปฏิกิริยาอย่างไร พอบอกว่าไม่ให้เลี้ยง ยังไงก็ไม่เอา ลูกทำหน้าเศร้า เกือบร้องไห้เลยทีเดียว ยิ่งเห็นลูกหมาก็ยิ่งสงสาร เลยยอมใจอ่อนให้เลี้ยง แม่ถึงกับเอ็นดูในความรักหมาของลูก

หมาจร

หมาจร

หมาจร

หมาจร

หมาจร

ภาพจาก TikTok @paicatlove….196

รปภ. วาดรูปประกาศแมวหาย พอเห็นตัวจริงพีคยิ่งกว่า

       จิตวิญญาณแห่งการเป็นศิลปิน รปภ. วาดรูปประกาศแมวหาย พอเห็นตัวจริงพีคยิ่งกว่า

           เว็บไซต์ Sohu จากจีน ได้เผยภาพ รปภ. ท่านหนึ่ง วาดภาพประกาศตามหาเจ้าของแมว ใครทำแมวหาย ให้รับที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน หลังจากที่ได้เห็นตัวจริงน้อง แล้วเอามาเทียบกับรูปวาด บอกได้เลยว่า ทำเอาเจ้าของแมวขยี้ตาแรง ชาวเน็ตพากันแซวสนั่นว่า นี่มันศิลปินเอกแห่งยุคชัด ๆ

แมวหาย

แมวหาย

แมวหาย

ภาพจากเว็บไซต์ Sohu

เดินมาเห็นใครนั่งอยู่ตรงบันได หันมาอีกทีก็คือ… ฮาเลยทีนี้

       ก็ว่าทำไมท่ามันแปลก ๆ เดินมาเห็นใครนั่งอยู่ตรงบันได หันมาอีกทีก็คือ… ฮาเลยทีนี้

           ผู้ใช้ TikTok @lawrencesky ได้เผยภาพไวรัลที่กำลังโด่งดังมาก ๆ ในตอนนี้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นใครไม่รู้นั่งท่าแปลก ๆ อยู่ตรงบันได มีคนแอบมาเข้าบ้านรึเปล่า จึงเดินเข้าไปดู ก่อนที่หันมาให้รู้ว่าเป็น ที่แท้เป็นเจ้าหมาพันธุ์ผสมโกลเด้นและพุดเดิ้ล มีชื่อว่า เบรดี้ ทำเอาเจ้าของถึงขำลั่นบ้าน ทำไมต้องนั่งท่าแบบนั้นด้วย

หมาตลก

หมาตลก

หมาตลก

หมาตลก

ภาพจาก TikTok @lawrencesky

ทำความรู้จัก ไลเกอร์ สัตว์สายเลือดผสมจากตระกูลเจ้าป่า

ทำความรู้จัก ไลเกอร์ สัตว์ลูกครึ่งเลือดผสมจากเจ้าป่า 2 ชนิดระหว่างเสือและสิงโต มีลักษณะแตกต่างอย่างไรไปดูกัน

ไลเกอร์ Liger

เรียกว่าทำเอาหลายคนตกใจไม่น้อย หลังจากพบภาพสัตว์คล้ายลูกเสือโคร่งหลุดมาเดินกลางถนน ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าเป็น ลูกไลเกอร์ วันนี้ไปทำความรู้จักสัตว์ที่เรียกว่า ไลเกอร์ กัน ว่าต่างจากเสืออย่างไร

ไลเกอร์ คือ

ไลเกอร์ คือ

ไลเกอร์ (Liger) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Panthera leo x Panthera tigris เป็นสัตว์ไฮบริด หรือสัตว์ลูกผสม ที่เกิดจากสิงโตตัวผู้กับเสือตัวเมีย ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดเองตามธรรมชาติและการผสมเทียม 

ลักษณะเด่นของไลเกอร์ คือ มีลายพาดขวางแบบเสือจาง ๆ มีขนสีน้ำตาลทองและแผงคอแบบสิงโตตัวผู้ อีกทั้งยังมีลำตัวขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่าเสือและสิงโตทั่วไป และเนื่องจากไม่จัดเป็นสัตว์ป่า ณ ขณะนี้จึงยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง 

โดย ในปี 2013 กินเนสส์บุ๊ก ได้มีการบันทึกให้ไลเกอร์ที่ชื่อ เฮอร์คิวลิส เป็นแมวตัวใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยขนาดลำตัวที่มีความยาวถึง 3.3 เมตร ความสูง 1.25 เมตร และหนักถึง 418.2 กิโลกรัม 
ไลเกอร์ กับ ไทกอน ต่างกันอย่างไร

ไลเกอร์ นิสัย

ทั้งนี้แม้ ไลเกอร์ กับ ไทกอน (Tigon) จะเกิดจากสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่ ไลเกอร์ ก็ต่างจาก ไทกอน เพราะไทกอนเกิดเสือตัวผู้กับสิงโตตัวเมีย อาจจะขนาดเท่ากับหรือตัวเล็กกว่าต้นกำเนิดของพวกมัน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากทั้ง ไลเกอร์ และ ไทกอน เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตามมา ส่วนใหญ่ไลเกอร์ตัวผู้จะเป็นหมัน และอายุเฉลี่ยค่อนข้างสั้น 

ไลเกอร์ นิสัยและพฤติกรรม

ไลเกอร์ ลักษณะ

เนื่องจาก ไลเกอร์ เป็นสัตว์ลูกผสม เลยมีทั้งนิสัยและพฤติกรรมคล้ายกับเสือและสิงโตผสมกัน เช่น เป็นสัตว์ที่ชอบเข้าสังคมและมีพละกำลังมากแบบสิงโต ไลเกอร์บางตัวก็สนุกกับการเล่นน้ำ มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแบบเสือ รวมถึงสามารถวิ่งได้ไกลถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เพราะลักษณะคล้ายกับเสือและสิงโตจึงอาจจะทำให้หลายคนสับสนได้ คราวนี้ก็ได้รู้จักไลเกอร์มากขึ้นกันแล้วนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า Wildlife Conservation Office, Thailand, steemit.com, guinnessworldrecords.com และ britannica.com

ทายใจนิสัยแมวแต่ละสี รู้ไว้ก่อนผูกมิตรกับเหมียว

สีแมวบอกนิสัยอะไรเราได้บ้าง ขอชวนทาสมาทำความรู้จักกับนิสัยแมวแต่ละสีกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจเจ้าเหมียวมากยิ่งขึ้น

สีแมวบอกนิสัย

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมแมวแต่ละสีถึงมีนิสัยที่แตกต่างกัน ซึ่งแท้จริงแล้ว สีแมว ไม่ได้บ่งบอกถึงสายพันธุ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังแฝงนิสัยและคาแรกเตอร์ของเจ้าเหมียวเอาไว้ด้วย โดยในวันนี้เราจะพาไปไขรหัสความลับของสีขนแมวแต่ละสี ว่ามันบ่งบอกถึงนิสัยและพฤติกรรมของแมวอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปทำความรู้จักกับนิสัยแมวแต่ละสีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านสีขนอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกน้อง ๆ กันเลย

1. นิสัยแมวสีน้ำตาล

นิสัยแมวสีน้ำตาล

จัดเป็นหนึ่งในสีแมวที่หายาก สีขนจะออกไปทางน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลช็อกโกแลต แต่อย่างไรก็ตาม หากพบเจอเจ้าเหมียวสีน้ำตาลแล้วละก็ ต้องบอกว่าเป็นแมวที่มีความเฟรนด์ลี่สูง แถมยังฉลาด น่ารัก ขี้เล่น แถมยังชอบใช้อุ้งเท้าเขี่ยเจ้าของบ่อย ๆ เพราะอยากชวนเล่นหรือกำลังเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของนั่นเอง 

2. นิสัยแมวสีขาว

นิสัยแมวสีขาว

แมวสีขาวมักถูกมองว่าเป็นแมวที่มีความสง่างาม ตามธรรมดาแล้วก็มักมีนิสัยที่รักสงบ อ่อนโยน ชอบให้เจ้าของแสดงความรัก เอาใจใส่ บ่อยครั้งที่มักจะเห็นแมวสีนี้ชอบมานอนซุกตัวอยู่กับเจ้าของ แต่ในขณะเดียวกันแมวสีขาวก็ยังรักความเป็นอิสระและชอบอยู่ตามลำพังบางเวลา 

3. นิสัยแมวเปรอะ

นิสัยแมวเปรอะ

แมวเปรอะขึ้นชื่อจากลวดลายขนที่โดดเด่นและมีความแซ่บอยู่ในตัวเอง ด้วยนิสัยที่มีความมั่นใจสูงและรักอิสระ หากต้องการอะไรก็มักจะแสดงออกเพื่อบอกให้เจ้าของรู้อย่างไม่ลังเล นอกจากนี้แมวเปรอะยังเป็นแมวที่ค่อนข้างฉลาดและมีนิสัยขี้เล่นอีกด้วย

4. นิสัยแมวส้ม

นิสัยแมวส้ม

แมวส้มเป็นหนึ่งในแมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งหลายคนมักเข้าใจว่าแมวส้มจะมีนิสัยขี้เกียจและรักสันโดษ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แมวส้มจะมีนิสัยที่กระตือรือร้น เป็นมิตร และชอบเข้าสังคม สนุกกับการอยู่ท่ามกลางผู้คนและสัตว์อื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็รักอิสระและเอาแต่ใจอยู่บ้าง ฉะนั้นหากอยากเลี้ยงแมวที่เรียบร้อย ชอบมานอนออดอ้อนบนตัก แมวส้มอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่ แต่หากชอบแมวซน ๆ รักสนุก เข้ากับใครก็ได้แล้วละก็ แมวส้มนี่แหละคือคำตอบ

อ่านเพิ่มเติม : 9 สายพันธุ์แมวส้ม ตัวตึงความซน ความแสบยืนหนึ่ง

5. นิสัยแมวสีเทา

นิสัยแมวสีเทา

แมวเทามักถูกมองว่าเป็นแมวที่รักสงบ มีความสุขุมและสง่างาม น้องจะมีนิสัยรักอิสระและต้องการความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่บางเวลาหากมีอารมณ์ก็อาจจะเข้ามาคลอเคลีย ชวนเล่น หรือแสดงความรักกับเจ้าของได้เหมือนกัน นอกจากนี้แมวสีเทายังขึ้นชื่อในเรื่องของความฉลาดและสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

6. นิสัยแมวสามสี

นิสัยแมวสามสี

แมวสามสีก็ค่อนข้างได้รับความยอดนิยม โดยขนของพวกมันส่วนใหญ่จะมีสีขาว ดำ และส้ม ในตัวเดียวกัน มีนิสัยที่รักอิสระและเอาแต่ใจพอสมควร อีกทั้งยังฉลาดและมีความคิดเป็นของตัวเอง ส่งผลให้เป็นแมวที่ค่อนข้างฝึกได้ยาก แต่แมวสามสีก็ยังถือว่าเป็นแมวที่มีความน่ารัก เพราะน้องจะชอบใช้เวลาอยู่กับเจ้าของ ชอบให้เจ้าของลูบหัวและกอดอยู่บ่อย ๆ

7. นิสัยแมวลายสลิด

นิสัยแมวลายสลิด

แมวลายสลิดถือเป็นอีกหนึ่งแมวสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งน้องจะมีหลากหลายสีและลวดลาย แต่ทุกตัวจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือเครื่องหมายรูปตัว M บนหน้าผาก โดยแมวลายสลิดจะมีนิสัยรักอิสระและรักสันโดษมาก แต่ก็ยังมีความน่ารักและต้องการความรักจากเจ้าของไม่ว่าจะเป็นการกอดหรือลูบหัว

8. นิสัยแมวสีขาว-ดำ

นิสัยแมวสีขาว-ดำ

แมวขาว-ดำสไตล์คลาสสิกเป็นแมวที่มีความฉลาดและรักอิสระมากที่สุด โดยพื้นฐานแล้วเป็นแมวที่มีนิสัยขี้เล่น เป็นมิตร ชอบใช้เวลากับมนุษย์ ถึงแม้ลึก ๆ แล้วจะมีความรักอิสระตามสัญชาตญาณของแมว แต่ก็สามารถเลี้ยงไว้ในบ้านได้สบาย แถมยังเข้ากับคนในครอบครัวได้ดีอย่างแน่นอน 

9. นิสัยแมวสีดำ

นิสัยแมวสีดำ

หลายคนอาจมีความเชื่อกันว่าแมวดำเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคร้าย แต่แท้จริงแล้วแมวดำนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าแมวสีอื่น ๆ เลย เพราะน้องทั้งเป็นมิตรและน่ารักไม่ต่างจากแมวที่มีสีอ่อนกว่า แมวดำเป็นเพื่อนที่ดีและมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังชอบอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์และมีความสุขกับการนอนบนตักเจ้าของอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : เผย 6 ความลับของแมวดำ ที่รู้แล้วจะรักเจ้าเหมียวมากขึ้น

แม้สีขนแมวจะเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงนิสัย แต่ก็ช่วยให้เราเข้าใจเจ้าเหมียวได้มากขึ้น เผื่อไว้เป็นแนวทางในการดูแลและเอาใจให้ถูกจริต อย่างไรก็ตาม นิสัยของแมวแต่ละตัวก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และประสบการณ์ชีวิต ดังนั้น อย่าลืมใช้เวลาสังเกตเจ้าเหมียวเพื่อทำความรู้จักน้องอย่างแท้จริง เพียงเท่านี้ คุณก็จะกลายเป็นทาสแมวที่เข้าใจเหมียวสุด ๆ ไปเลย !

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ นิสัยแมว

ถอดรหัสนิสัยแมวแปลก ๆ ที่ทาสเจอแล้วอดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไปทำไม ?

อยากเป็นคนที่แมวรัก…ไม่ยาก แค่ลองทำ 8 สิ่งนี้ !

5 แมวไทยมงคล ลักษณะดี ช่วยนำโชคลาภมาให้

ขอบคุณข้อมูลจาก : happyandpolly.com, meowijuana.com และ petwellbeing.com